นายกฤษณะ พินิจ ผอ.สบจ.สป. ร่วมกับนางสาวยุพยงค์ บุญหาว ผู้ตรวจสอบภายในระดับกรม สป., นางสาวลัดดาวรรณ โชติมุณี ผอ.ศปท.มท. รกน. ผอ.กค.สป., นายสราวุธ สุขรื่น ผอ.กยพ.สบจ.สป., นายสยาม อินทรสกุล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประชุมหารือแนวทางการโอนทรัพย์สินที่เกิดจากงบประมาณค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของประชาชนในจังหวัด วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม สบจ.สป. ชั้น 8 อาคารดำรงราชานุสรณ์ โดยมีผู้แทนจากกองคลัง สป.มท ตรวจสอบภายใน สป.มท. เข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมมีมติร่วมกันเสนอความเห็นในกรณีการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เกิดจากการนำงบประมาณค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของประชาชนในจังหวัด
ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจัดสรรให้จังหวัดไปใช้ดำเนินโครงการในพื้นที่ โดยมีความเห็นร่วมกันดังนี้
(1) กรณีของจังหวัดราชบุรี ผู้มีอำนาจในการพิจารณาทรัพย์สินและดำเนินการโอนทรัพย์สินเป็นอำนาจหน้าที่ของปลัดกระทรวงมหาดไทย หรือเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อพิจารณาตาม ข้อ 4 แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 กำหนดว่า “หัวหน้าส่วนราชการ” สำหรับราชการส่วนภูมิภาค หมายถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด กรณีของจังหวัดราชบุรี ผู้ว่าราชการจึงเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาและดำเนินการโอนทรัพย์สินที่เกิดจากดำเนินโครงการปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน บ้านรางไม้แดง หมู่ที่ 6 ตำบลเจดีย์หัก อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี
(2) แนวทางในการการบริหารจัดการทรัพย์สินตามหนังสือของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ได้แจ้งผลการพิจารณาว่า “...หากกระทรวงมหาดไทยไม่มีความจำเป็นที่จะใช้งานอีกต่อไป กรณีดังกล่าวกระทรวงมหาดไทยสามารถดำเนินการตามนับระเบียบฯข้อ 215 วรรคหนึ่ง (3) ได้ โดยมิต้องขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบฯ ข้อ 215 วรรคหนึ่ง (3) ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยฯ สำหรับกรณีที่กระทรวงมหาดไทยจะโอนพัสดุให้กับการประปาส่วนภูมิภาคสาขาราชบุรี กระทรวงมหาดไทยจะต้องแจ้งให้หน่วยงานต้นสังกัดของผู้รับโอนทราบด้วย” ดังนั้น เมื่อนำคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยฯ ซึ่งได้ตอบกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้หารือกรณีของจังหวัดราชบุรี จึงสรุปได้ว่า จังหวัดต้องพิจารณาทรัพย์สินที่เกิดจากการดำเนินโครงการว่าหมดความจำเป็นหรือไม่ หากพิจารณาแล้วทรัพย์สินดังกล่าวหมดความจำเป็นก็สามารถดำเนินการจำหน่ายได้ตามระเบียบฯ ข้อ 215 วรรคหนึ่ง (3)
ดังนั้น กรณีของจังหวัดราชบุรีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาทรัพย์สินและโอนทรัพย์สินจึงเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดตามนัยแห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ทั้งนี้ เป็นไปตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยฯ และเมื่อจังหวัดดำเนินการแล้วเสร็จให้รายงานกระทรวงมหาดไทยทราบด้วย